Nipponkitchen

จริง ๆ แล้วที่ผ่านมาต๊ะเคยทำคุกกี้เนยลง Blog ไปแล้วหลายครั้งนะคะ ทั้งแบบบีบ แบบกด แต่วันนี้ก็ยังนำมานำเสนอใหม่เป็นแบบไอซ์บอกซ์หรือคุกกี้ที่นำไปแช่เย็น หรือแช่แข็งก่อนเอามาหั่นแล้วเอาไปอบ ถึงจะมาบ่อยก็มั่นใจว่าเพื่อน ๆ น่าจะยังไม่เบื่อ เพราะคุกกี้เนยเป็นเมนูมหาชน ใคร ๆ ก็ชอบนะคะ วันนี้มาพร้อมกัน 3 รส รสเนย รสกาแฟ รสมัทฉะ ทำรอบเดียวอร่อยได้ทั้งบ้านค่ะ รวมแล้วได้คุกกี้ทั้งหมด 50-60 ชิ้นนะคะ ทำเผื่อข้างบ้านกันไปเลย 

รอบนี้เป็นครั้งแรกที่มีโอกาสได้ลองผงกาแฟสกัด หรือ Coffee Extract Powder ซึ่งเอาจริงเกิดจากความบังเอิญล้วน ๆ นะคะ คือหลายคนน่าจะเคยแหละ ตั้งใจจะซื้ออีกอย่างแต่ได้อีกอย่าง หรือบางทีก็อีกหลาย ๆ อย่าง 😁ผงกาแฟสกัดตัวนี้จะไม่ละลายด้วยนํ้าร้อนนะคะ พอเอานํ้าร้อนใส่ก็จะยังมีเป็นก้อน ๆ แต่ตอนผสมกับโดคุกกี้ไม่ได้ผสมยากเท่าที่คิด อบมาคือหอมมากอร่อยมาก หอมเหมือนกาแฟดริป แพงนะคะ ราคาไม่เบา แต่ส่วนตัวคิดว่าก็คงใช้อีก ติดดอยซะแล้ว

ช่วงนี้ใกล้วันสงกรานต์นะคะ หลาย ๆ คนน่าจะเตรียมตัวไปเที่ยวกันแล้ว เดินทางปลอดภัยนะคะ เที่ยวให้สนุกค่ะ 

เอาล่ะค่ะตามมาดูสูตรคุกกี้เนย 3 รส ที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะ และโคชิดีกว่า อร่อยน้า 

ส่วนผสม

เนย 200 กรัม

น้ำตาล 80 กรัม

เกลือ 1.6 กรัม

ไข่แดง 30 กรัม ที่อุณหภูมิห้อง

แป้งเค้ก 240 กรัม

อัลมอนด๋ป่น 60 กรัม

มัทฉะ 3.5 กรัม

กาแฟ 3.5 กรัม

น้ำตาลทรายป่นนิดหน่อยสำหรับโรย

คลิปวิธีทำ

1.เอาเนยออกจากตู้เย็นเอามาวางให้นิ่มแต่ยังเย็นนะคะ เสร็จแล้วลองเอามือกดดู ถ้าเป็นรอยแล้วรู้สึกเนยนิ่มลงก็ใช้ได้ค่ะ

2. ใส่นํ้าตาลทรายลงไป ตีผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่ไข่แดงลงไปค่ะ ตีต่อให้เข้ากัน ใส่เกลือลงไป

3. พอส่วนผสมฟูเบาเข้ากันดี ร่อนแป้งเค้กกับอัลมอนด์ป่นลงไป ผสมต่อด้วยไม้พาย พอส่วนผสมเริ่มจับตัวเป็นก้อน มองไม่เห็นแป้ง แบ่งโดออกเป็น 3 ส่วนเท่า ๆ กัน

4. ส่วนที่หนึ่งผสมต่อให้เนียน คลีงเป็นท่อนซุง ห่อด้วยกระดาษรองอบ แช่เย็น 30 นาที ส่วนที่สองใส่มัทฉะ ส่วนที่สามใส่กาแฟ ผสมต่อให้เข้ากันจนเนียน คลึงเป็นท่อนซุง ห่อด้วยกระดาษรองอบ เอาไปแช่เย็นเหมือนกันค่ะ

5. พอครบเวลาแล้วเอาออกมาจากตู้เย็น ใช้แปรงทานํ้าให้ทั่ว เสร็จแล้วเอาไปคลุกนํ้าตาลทรายป่น หั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 5-6 มม. เสร็จแล้วเอาคลุกนํ้าตาลอีกรอบ

ส่วนผสม

เนยจืด 100 กรัม

นํ้าตาลทรายป่น 50 กรัม

ไข่ขาว 25 กรัม

แป้งเค้ก 120 กรัม (ร่อน)

วานิลลาบีนเพส

ดอกเกลือ

คลิปยูทูป

วิธีทำ

1.ตีเนยกับนํ้าตาลทรายป่นให้ฟู เนยที่ใช้ต้องเย็นแต่นิ่มนะคะ เอาออกจากตู้เย็นเอามาวางไว้สักพักนะคะ เติมวานิลลาลงไป

2.ใส่แป้งเค้กลงไป ใช้ไม้พายผสมให้เข้ากัน ใส่ถุงบีบ ถ้าอากาศร้อนใส่ทีละครึ่งได้นะคะ เพราะถ้าส่วนผสมโดนความร้อนจากมือ โดจะหลว บีบแล้วลายไม่ชัด โรยดอกเกลือ

3. อบ 180 องศาเซลเซียส 12-16 นาที

มีพริก มีต้นหอม ตักเพิ่มได้เองนะคะ แต่พริกเค้าจะไม่โขลกนะคะและไม่เผ็ดมาก กระเทียมไม่มีค่ะ อ้อมีพริกผัดด้วยนะคะ ก็ลองปรุง ๆ เผื่อได้รสชาติใหม่ ๆ 

นํ้าซุปมีให้เลือกหลายแบบนะคะ แต่เลือกได้สองแบบนะ เลือกมาเป็นนํ้าซุปใสแบบ MK และนํ้าซุปรสต้มยำ ซุปใสรสชาติก็จะเป็นแนวเดียวกับ MK ที่ไทยนะคะ แต่รสชาติอ่อนกว่า เครื่องเทศใส่น้อยมาก ไม่มีกลิ่นพริกไทยค่ะ ส่วนนํ้าซุปรสต้มยำรสหลักคือเผ็ดและเค็ม แต่ไม่จัดจ้านนะคะ พอใส่หมูและผักลงไปจะกลมกล่อมขึ้น 

ของที่เลือกได้ตามบุฟเฟต์ที่ต๊ะเลือกจะไม่ได้เยอะมากนะคะ เพราะฉะนั้นที่ร้านยังมีอย่างอื่นเยอะแยะนะคะที่อาจจะอร่อยน้า ต๊ะชอบเกี๊ยวกุ้งนะคะ มีความเด้งกรอบ ไม่มีกลิ่นนํ้ามันงา เกี๊ยวสีเหลือง ๆ แบบนี้คิดว่าต้องทำเองหรือนำเข้าค่ะ เพราะในญี่ปุ่นไม่มีขาย หมูเนื้อสไลซ์มาแบบบางเฉียบ หมูหมัก เนื้อหมักไม่มีนะคะ ลูกชิ้นจะไม่ใช่แบบบดละเอียดค่ะ แนวโฮมเมดนิดนึงเหมือนหมูสับต้ม แต่ก็เนียนกว่า 

ผักต่าง ๆ จะให้มาไม่เยอะนะคะ แต่ก็เสิร์ฟเร็วค่ะ จะทยอยสั่งก็ได้ถ้ากลัวเหลือ หรือถ้าไม่อยากขาดตอนก็สั่งทีละเยอะ ๆ ได้เลย 

มาถึงคิวติ่มซำนะคะ นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปีที่ได้กินติ่มซำแบบฉํ่า ๆ ปกติในญี่ปุ่นต้องไปตามร้านดัง ๆ ขายติ่มซำโดยเฉพาะ ถ้าแถวกินซ่าก็หลายหมื่นเยนอยู่นะคะ ต๊ะ ซาดาโอะ และโคชิ ยังไม่เคยมีใครเคยได้ลองนะคะ ยกเว้นซาดาโอะที่อาจจะเคยกินตอนเด็ก ๆ 

บ๊ะจ่างอร่อยนะคะ ต๊ะชอบนะ ความมันอะไรนี่อาจจะไม่เท่าที่ไทยนะคะ แต่ก็อร่อยและไม่หนักท้องมาก ก็ดีเหมือนกัน เสี่ยวหลงเป่ามีทั้งไส้กุ้ง ไส้ปูอะไรหลากหลายนะคะ อันนี้ก็ยังชอบหมูที่สุด แต่ทางนี้แป้งค่อนข้างหนานะคะ และด้านในอาจจะไม่ได้ฉํ่าแบบนํ้าซุปร้อน ๆ นํ้าไม่ค่อยมี เน้นกินง่ายค่ะ 

ขนมจีบซาลาเปานี่มาแบบกระปริบกระปรอยเล็กน้อยนะคะ ถ่ายไม่ทันค่ะ ขนมจีบมีหลายไส้นะคะ หมูเอย ปูเอย เมนไทโกะก็มีค่ะ ซาลาเปาทางนี้จะเน้นความนุ่มหนึบมากกว่านุ่มฟูนะคะ แป้งหวานน้อยกินง่ายค่ะ 

ปอเปี๊ยะทอดนะคะ อร่อยใช้ได้ค่ะ กรอบ ไม่อบนํ้ามัน แต่อาจจะพูดไม่ได้ว่าอร่อยสุด สุดยอด ถ้าจริงจังกับเมนูนี้แนะนำร้านเวียดนามค่ะ 

เมนูสุดท้าย อันนี้นอกบุฟเฟต์นะคะ จ่ายเงินเพิ่มเอง เป็นซาลาเปาไส้ถั่วแดงขึ้นรูปเป็นพีชน่ารัก ๆ ของจริงมันคิวท์กว่านี้มากนะคะ แต่ต๊ะถ่ายรูปมาแล้ว น้องดูหมองไปนิด

เวลาบุฟเฟ่ต์ 1.5 ชั่วโมงนะคะ ถ้าสำหรับบ้านต๊ะเอง เหลือ ๆ มาก ตอนที่วางตะเกียบนี่เวลายังเหลือเป็นครึ่งชั่วโมง ถามว่าคุ้มไหม ต๊ะส่วนตัวว่าคุ้มนะ เพราะกินได้หลากหลาย และกินสบายใจเพราะงบกำหนดได้ ถ้าใครมาเที่ยวญี่ปุ่น แล้วอยากเบรคอาหารญี่ปุ่นต๊ะแนะนำนะคะ แต่ต้องบอกก่อนว่ามันจะไม่เหมือนที่ไทยได้นะคะ ก็คล้าย ๆ เพราะเค้าก็ต้องปรับรสตามวัตถุดิบ และตามความชอบของคนญี่ปุ่น ไม่งั้นร้านก็อยู่ไม่ได้ ถ้าสนใจก็แวะมาค่ะ ร้านนั่งสบายมาก😋

ตอนนี้สอบเสร็จแล้ว ก็กลับสู่โหมดปกติค่ะ ให้ลูกหากินเองบ้าง ทำบ้าง ยังไม่ได้ประกาศผลแต่ก็ถือว่าจบแล้วนะคะ รออย่างเดียว ตอนนี้จะหวัง จะลุ้นอะไรก็ไม่มีความหมายแล้ว รออย่างเดียว 

วันนี้เอาเมนูรากบัวดอง เห็ดเข็มทองผัดเนย กะหลํ่าดอกดอง มาฝากค่ะ จริง ๆ เป็นเมนูที่เคยลงในเพจแล้ว แต่ก็ขอมาลงในที่นี่อีกรอบนะคะ เพราะอ่านง่ายกว่า กลับมาอ่านซํ่าได้ง่ายกว่า 

เอาล่ะค่ะ ตามมาดูสูตรรากบัวดอง (Pickled Lotus Root / Su Renkon) ที่ต๊ะทำกินกับซาดาโอะและโคชิดีกว่า อร่อยน้า 

                                                                              รากบัวดอง

3 ผสมกับเครื่องปรุงทั้งหมด ทิ้งไว้ให้รสเข้ากันดี 

เห็ดเข็มทองผัดเนย

ส่วนผสม

เห็ดเข็มทอง 50 กรัม

เนย 5 กรัม

โชยุ พริกไทย เกลือ อย่างละนิดหน่อย

วิธีทำ
1 ฉีกเห็ดเข็มทอง หั่นรากทิ้ง ตัดเป็นสองส่วนเท่า ๆ กัน

2 ใส่เนยลงไปในกระทะ ใช้ไฟกลาง ใส่เห็ดเข็มทองลงไป ผัดให้เข้ากัน ใส่เกลือ พริกไทยลงไป พอผัดจนเห็นสุก ปิดไฟแล้วใส่โชยุ

กะหล่ำดอกดอง

ส่วนผสม

กะหล่ำดอก 100 กรัม

น้ำส้มข้าว น้ำเปล่าอย่างละ 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ

เกลือนิดหน่อย

พริกแห้งซอยบาง ๆ

วิธีทำ
1 ต้มกะหล่ำดอกในน้ำเดือด พักให้สะเด็ดน้ำ

2 นำส่วนผสมเครื่องปรุงใส่ถ้วยทนความร้อน เวฟ 600 วัตต์ 30 วินาที
3 ใส่กะหล่ำดอกลงไปผสมให้เข้ากัน